ปัญญาประดิษฐ์ AI (Artificial Intelligence)
นับจาก AI ถูกสร้างขึ้น
ระบบอัจฉริยะที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้ต่อเนื่องนั้นถูกนำไปใช้งานในหลายจุดประสงค์
แต่วันนี้แบรนด์เริ่มนำ AI มาเพิ่มความประทับใจให้งานบริการลูกค้า
ทำให้เกิดเป็นระบบตอบโต้อัตโนมัติที่รวดเร็วและทันใจเรียลไทม์
ผลการสำรวจจากฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช
พบด้วยว่าหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ AI
จะเข้ามาแย่งงานพลเมืองอเมริกันได้ถึง 6% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
โดยจะอยู่ในรูปของการบริการอัตโนมัติ เช่น แท็กซี่-รถบรรทุกไร้คนขับด้วย
การวิจัยพบว่าตลาดที่ AI จะมีอิทธิพลมากขึ้นคือธุรกิจลอจิสติกส์
ฝ่ายบริการหลังการขาย และระบบขนส่งมวลชน
ซึ่งการเข้ามาของแรงงานหุ่นยนต์เหล่านี้จะมาพร้อมความเข้าใจในพฤติกรรมของมนุษย์
และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ทำให้มันสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างลื่นไหล
โดยจะเห็นได้ว่า ค่ายเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทุกวันนี้ต่างมี AI เป็นของตัวเองกันทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นอแล็กซา (Alexa) จากอเมซอน (Amazon) หรือคอร์ทานา (Cortana) ของไมโครซอฟท์ รวมถึงสิริ (Siri)
ของแอปเปิล และกูเกิลนาว (Google Now)
ทุกวันนี้ AI แต่ละตัวมีความสามารถเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
สามารถเปิดการทำงานด้วยเสียง หรือข้อความ
และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ระบบผู้ช่วยไฮเทค AI สามารถปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในบ้าน ปิ้งขนมปังสำหรับอาหารมื้อเช้า
และสามารถกล่าวต้อนรับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่เมื่อเดินเข้ามาที่บ้านได้อัตโนมัติ
อีกรายที่ต้องพูดถึงคือไอบีเอ็ม
วัตสัน (WATSON) เทคโนโลยีที่ทำให้ระบบสามารถเข้าใจสภาพแวดล้อมทั้งหมด
จากเดิมข้อมูลกว่า 88% ที่เกิดขึ้นคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถเข้าใจ
แต่วัตสันสามารถเข้าใจ และวิเคราะห์ความรู้สึก ตลอดจนตอบโต้
และให้คำแนะนำที่เหมาะสมให้กับคู่สนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้
วัตสัน ยังสามารถเรียนรู้ และสั่งสมองค์ความรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเพิ่มความสามารถ และเข้าใจบริบทของมนุษย์มากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้
ต้องยกความดีให้กับระบบแวดล้อมของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นได้อย่างลื่นไหลไร้รอยต่อ
ทั้งระบบเปิดเว็บไซต์หรือเบราว์เซอร์
ตลาดสมาร์ทโฟนที่ขยายตัวฉุดไม่อยู่จนอาจเข้าถึงประชากรโลกกว่า 70% ในปี 2020
ยังมีพัฒนาการของระบบบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนอุปกรณ์โมบาย
ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเบื้องหลังของเทรนด์ไอทีในทุกปี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น